เด่นสุด 3 คน ตัดเกรดแข้ง “ลิเวอร์พูล” เกมขยี้ “เชลซี” บิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก
วันที่ 1 ก.พ. 67 ประกาศคะแนนนักเตะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เกมเปิดบ้านถล่ม เชลซี 4-1
ให้หลังจากการเสมอกันมา 7 เกมซ้อนในทุกถ้วยที่พบกัน ลิเวอร์พูล ไม่ปล่อยให้ เชลซี บุกมาเก็บแต้มได้อีกต่อไปแล้ว ถล่มชนะขาดลอย 4-1 ด้วยประตูของ ดีโอโก้ โชต้า, คอนเนอร์ แบร๊ดลี่ย์, โดมินิค โซบอสซ์ไล และ หลุยส์ ดิอาซ ส่วน เชลซี ตีไข่แตกได้จาก คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู เท่ากับนัดนี้ ลิเวอร์พูล ชนะแบบเอาต์คลาส และน่ายิงได้มากกว่านี้ด้วยจากโอกาสส่องรวม 28 ครั้ง ตรงกรอบ 13
คะแนนนักเตะ ลิเวอร์พูล
อลิสซอน เบ็คเกอร์ – 7 – ปูเสื่อ กินป๊อปคอร์น นอนดูเกมได้อย่างสบายใจในครึ่งแรก เมื่อกว่าจะมีงานให้ทำก็แทบจะนาทีท้ายๆ แล้ว ส่วนครึ่งหลังต้องทำงานหนักขึ้นบ้าง และเสียประตูตีไข่แตกให้กับความยอดเยี่ยมของ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู
โจ โกเมซ – 8 – ไม่ต้องขึ้นเสริมเกมรุกฝั่งซ้ายเลย เมื่อปล่อยให้เจ้าหนู คอนเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ โดดเด่นไปในเกมอีกฝั่ง และนัดนี้ โกเมซ เน้นตั้งรับเป็นอันดับแรก ซึ่งความแข็งแกร่งก็เหลือๆ ในการรับมือตัวริมเส้นของ เชลซี
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ – 7 – ทำเสียวเล็กๆ กับการตัดเกม กัลลาเกอร์ ในเขตโทษช่วง 5 นาทีแรก ยังดีที่ไม่ถูกจับเป็นจุดโทษ จากนั้นมีบล็อกมีตัดลูกสำคัญบ้าง แต่ก็ยังเสียประตู 1 เม็ดเป็นลูกปลอบใจทีมเยือน
อิบราฮิมา โกนาเต้ – 7 – ประสานงานเข้าคู่กับ ฟาน ไดค์ อย่างไร้ปัญหา เข้าขารู้ใจ และแข็งแกร่ง ยืนตำแหน่งแม่นยำของกองหน้า เชลซี กระดิกไม่ออก กระนั้นก็เสียท่าเล็กๆ กับจังหวะโชว์ของ เอ็นคุนคู ไปยิงตีตื้น
คอนเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ – 10 – แสดงให้เห็นว่าทำไมชั่วโมงนี้ถึงถูกเลือกก่อน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ด้วยการสร้างจังหวะเปิดจากริมเส้นที่อันตราย เล่นเกมเพรสซิ่งเข้าถึงตัวเร็วตลอด และโดยเฉพาะว่าทำแอสซิสต์ให้ โชต้า ยิงประตู 1-0 แล้วตามด้วยกระชากขึ้นไปส่องเสียบเสาไกล 2-0 น.39 ส่วนครึ่งหลังก็ยังแอสซิสต์ให้ โซบอสซ์ไล โขก 3-0 อีก ฉะนั้นเอาไปเลย 10 เต็ม 10
เคอร์ติส โจนส์ – 7 – มีโอกาสเข้าทำด้วยตัวเองพอสมควร ด้วยการประสานงานในแดนกลางที่เหนือกว่าแผงกลางของ เชลซี ชัดเจน กระนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นดาวเด่นสำหรับนัดนี้ แม้จะเล่นได้มาตรฐานดีไม่มีข้อผิดพลาดก็ตาม
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – 8 – ต่อสู้ในแดนกลางได้อย่างสนุก แสดงให้เห็นหลายจังหวะว่าค่อนข้างเหนือกว่าเพื่อนร่วมทีมชาติอย่าง เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ทั้งการเล่นเป็นทีม และการดวลตัวต่อตัว เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญมากตรงกลาง ลิเวอร์พูล
โดมินิค โซบอสซ์ไล – 8 – ครึ่งแรกออกจะเงียบๆ ไปหน่อย เมื่อไม่ได้มีโอกาสเล่นกับบอลมากนัก แต่ครึ่งหลังเพิ่มความโดดเด่นด้วยการจัดให้ 1 ประตู และเช่นเดียวกันกับเพื่อนรอบข้าง ว่าเกมนี้ ช่วยให้แดนกลาง ลิเวอร์พูล กินขาด เชลซี ชัดเจนมาก
ดาร์วิน นูนเยซ – 8 – โดดเด่น ปราดเปรียว หาตำแหน่งเก่งจนหลังบ้าน เชลซี ตามปิดไม่อยู่เลย ปัญหาคือความเฉียบคมและโชคดวงที่ไม่เอื้อ รวมยิงชนเสาคาน 4 รอบ หนึ่งในนั้นเป็นการกดจุดโทษกระแทกเสาเต็มๆ จนเกมนี้ยิงประตูไม่ได้จากโอกาส 11 ครั้ง ยังดีที่สุดท้าย มี 1 แอสซิสต์ให้ หลุยส์ ดิอาซ ทำประตูปิดเกม
ดีโอโก้ โชต้า – 8 – ชั่วโมงนี้ คมกริบของแทร่ ใช้โอกาสแค่ครั้งเดียวเป็นอันจบ กับการทะลุแหวกกองหลัง เชลซี ทั้ง ติอาโก้ ซิลวา และ เบอนัวต์ บาเดียชิล เข้าไปตรงๆ แล้วจิ้มเข้าประตูไปอย่างยอดเยี่ยม ในนาที 23 นอกนั้นแม้โอกาสไม่เยอะ ทั้งเกมได้ยิง 2 หน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา
หลุยส์ ดิอาซ – 8 – เป็นอีกคนที่เล่นงานเกมรับ เชลซี จนหัวหมุน แม้จะได้ยิงไม่มากครั้ง (3 หน) โดยเฉพาะครึ่งหลังที่มีการสลับตำแหน่งการยืน และเช็กบิลลูกจ่ายของ ดาร์วิน นูนเยซ เข้าไปไม่พลาดในลูกปิดกล่อง
สำรอง ลิเวอร์พูล
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (แทน คอนเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ น.68) – 7 – กลับสู่สนามอีกครั้ง แต่รัศมีความโดดเด่นเป็นของรุ่นน้องอย่าง คอนเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ ไปแล้ว เพียงแต่ เทรนท์ ก็ลงไปเสริมประสิทธิภาพของเกมรุกและรับฝั่งขวาอย่างไม่มีตำหนิ แม้จะเสียประตูก็ตาม
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (แทน โจ โกเมซ น.68) – 7 – ลงไปเคาะสนิมหลังหายเจ็บกลับมา และได้เล่นกับลูกพอสมควร แต่ไม่ได้เน้นสร้างผลงานเมื่อสกอร์ขาดแล้ว
ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ (แทน โดมินิค โซบอสซ์ไล น.68) – 6 – ลงสำรองไปเสริมแดนกลางอย่างไม่ซีเรียส ไม่มีแรงกดดันให้ต้องพลิกเกมอะไร เมื่อสกอร์ขาดไปก่อนแล้ว แค่เล่นให้ไม่พลาดเป็นพอ
โคดี้ กัคโป (แทน ดีโอโก้ โชต้า น.68) – 6 – อยู่ในสนามนานพอตัว และมีโอกาสยิง 2 ครั้ง แต่ไม่มากพอจะเล่นงาน เปโตรวิช ได้
บ๊อบบี้ คล้าร์ก (แทน เคอร์ติส โจนส์ น.83) – 6 – ลงไปเป็นสำรองคนสุดท้าย ในช่วงที่เกมขาดไปแล้ว และไม่มีอิทธิพลอะไรกับการอยู่ในสนามแค่ไม่นานนาที
คะแนนนักเตะ เชลซี
ยอร์เย่ เปโตรวิช – 7 – เป็นเกมงานชุกอย่างที่คาดไว้ เซฟลูกซัดเหน่งๆ ของ นูนเยซ ในนาทีที่ 8 ต่อด้วยนาที 18 กับเจ้าเดิม ที่ต้องล้มตัวปัดไปชนเสาหวุดหวิด แต่กับจังหวะลากเดี่ยวของ ดีโอโก้ โชต้า น.23 ก็ช่วยไว้ไม่ได้เมื่อจ่อเกินไป เท่ากับเกมนี้แม้จะเซฟเยอะถึง 9 ครั้ง แต่ยังไม่วายเสีย 4 ประตู
เบน ชิลเวลล์ – 4 – มีครึ่งแรกที่แย่มาก กระชากเข้าไปร่วงในเขตโทษ น.35 แต่โดนผู้ตัดสินจับว่าไต๋พุ่งล้ม จนโดนเหลืองไปแทน จากนั้นอีกไม่กี่นาทีให้หลังก็วิ่งชนกับ โชต้า จนล้มลงไปในแดนตัวเอง เปิดพื้นที่ให้ คอนเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ ลุยเข้ายิง 2-0 โล่งๆ ทำให้ครึ่งหลังถูกถอดทิ้งทันที
ติอาโก้ ซิลวา – 4 – พลาดหนักกับการเสียเหลี่ยมโดน ดีโอโก้ โชต้า กระชากผ่านตรงๆ เข้าไปเปิดสกอร์นำ 1-0 และในทุกประตูก็ล้วนแต่มีส่วนต้องรับผิดชอบทั้งสิ้น รวมถึงตลอดเกมก็ตามจับ ดาร์วิน นูนเยซ ไม่ได้เลย
เบอนัวต์ บาเดียชิล – 3 – เช่นเดียวกับ ติอาโก้ ซิลวา ที่ปิดเกมทะลุทะลวงของ โชต้า ไม่สำเร็จจนเสียประตูแรก และยิ่งหนักไปอีกกับการเสียท่ายืดขาเหยียบ โชต้า ล้มลงก่อนหมดครึ่งแรกจนเสียจุดโทษ ก่อนที่ครึ่งหลังจะถูกถ่างออกมายืนแบ็กซ้ายแทน ชิลเวลล์ แต่ก็ไม่วายเงื้อง่าราคาแพงจนโดน หลุยส์ ดิอาซ สอดจากข้างหลังมาบวกสกอร์ 4-1
อักเซล ดิซาซี่ – 5 – ออกสตาร์ทที่แบ็กขวาอีกครั้ง เท่ากับต้องเผชิญหน้ากับ หลุยส์ ดิอาซ โดยตรง และแม้จะไม่มีความผิดพลาดส่วนตัว แต่ก็ช่วยไม่ได้กับการเสีย 2 ลูกในครึ่งแรก จากนั้นครึ่งหลังถูกหุบเข้าไปยืนเซนเตอร์แบ็กคู่ ติอาโก้ ซิลวา ก็ช่วยไม่ได้เช่นกันกับการเสียเพิ่มอีก 2 ประตู
มอยเซส ไคเซโด้ – 5 – โดนใบเหลืองเร็วจัดในเพียงนาทีที่ 11 จังหวะพัวพันตัดเกม หลุยส์ ดิอาซ ทำให้ต้องระมัดระวังตัวมากทีเดียวกับตลอดช่วงเวลาที่เหลือ และแม้จะมีจังหวะเติมเกมสวยๆ บ้าง แต่ในที่สุดก็โดนถอดออก เล่นไม่ครบเกม
เอ็นโซ เฟร์นานเดซ – 6 – ต้องเจองานหนักเช่นเดียวกับคู่กลางอย่าง ไคเซโด้ ในการพยายามวิ่งไล่ตัดเกมตรงกลาง ซึ่งก็โดนเหลืองไปเช่นกันในนาที 33 จากนั้นกลายเป็นคนเดียวของ เชลซี ที่ได้โอกาสสับไกยิงในครึ่งแรก จังหวะส่องไกลเข้ามือ อลิสซอน ไม่ลำบาก ส่วนครึ่งหลังช่วยอะไรไม่ได้
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง – 5 – ออกสตาร์ทที่ปีกซ้าย แต่ไม่มีประโยชน์กับการยืนลอยสูงเพื่อรอเล่นเกมสวนกลับในช่วงต้น เมื่อ ลิเวอร์พูล เสียบอลยาก จนยังไม่ทันทำอะไรก็หมดครึ่งแรกตามหลัง 2 ลูก ส่วนครึ่งหลังเมื่อเปลี่ยนฝั่งมาขึ้นทางขวา ได้เล่นบอลมากขึ้นก็จริง แต่ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ – 5 – สบโอกาสทะลุเข้าไปโดนตัดเกมในจุดอันตรายตั้งแต่ 5 นาทีแรก โชคร้ายที่ไม่เป็นจุดโทษ ภาพรวมถือว่ามีส่วนร่วมกับเกมพอสมควร แต่ทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน และเป็นหนึ่งในสามที่ถูกเปลี่ยนออกเมื่อเริ่มต้นครึ่งหลัง
โนนี่ มาดูเอเก้ – 4 – ได้ออกสตาร์ทต่อเนื่องจากนัดก่อน โดยพยายามถอยลงช่วยเกมรับเหมือนกันในครึ่งแรก แต่หน้าที่หลักอย่างเกมรุกถือว่าบอดสนิท ไม่ผ่าน โจ โกเมซ เลย จนเป็นเซ็ตแรกที่ถูกเปลี่ยนออกเมื่อเริ่มครึ่งหลัง
โคล พาลเมอร์ – 5 – หายจากเกมตลอดสิบนาทีแรก เมื่อบอลอยู่ในครอบครองของ ลิเวอร์พูล ตลอด จนต้องพยายามถอยลงมาล้วงบอลแดนตัวเองอยู่หลายหน ซึ่งก็ทำให้ข้างหน้าไม่มีใคร กลายเป็น กัลลาเกอร์ ยืนสูงสุดในหลายครั้ง จนครึ่งหลังเมื่อ เอ็นคุนคู ลงมา จึงได้ถอยลงตำแหน่งถนัด แต่ก็เป็นงานยากเกินไปอีกกับการที่เกมขาดกระจายที่สกอร์ 3-0
สำรอง เชลซี
มิไคโล มูดริค (แทน โนนี่ มาดูเอเก้ น.46) – 4 – พลาดโอกาสทองในการยิงตีไข่แตกไป เมื่อได้ยิงโล่งๆ แล้วในนาที 51 แต่แปข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง จากนั้นเงียบฉี่ ไม่มีบทบาทใดทั้งสิ้น
คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู (แทน คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ น.46) – 8 – ยอดเยี่ยมมากกับการพังประตูตีไข่แตก 1-3 น.71 จังหวะเล่นในพื้นที่แคบ หมุนหนี 3 แนวรับ ลิเวอร์พูล ไปส่องเสียบเสาไกล จนน่าเสียดายว่าถ้าลงตัวจริงเลยก็มีสิทธิ์ที่ผลจะต่างไปจากนี้
มาโล กุสโต้ (แทน เบน ชิลเวลล์ น.46) – 7 – ลงไปสร้างคุณภาพเกมริมเส้นได้ชัดเจน แบบที่เกือบจะทำให้ทีมตีตื้นแต่เนิ่นๆ กับจังหวะไหลให้ มิไคโล มูดริค เข้าชาร์จข้ามคาน น.51 และยังมีดันขึ้นซัดเองด้วย เท่ากับเป็นอีกคนที่จริงๆ น่าลงตัวจริงแต่แรก
คาร์นี่ย์ ชุคเวเมก้า (แทน มอยเซส ไคเซโด้ น.66) – 7 – ลงไปเติมพลังแดนกลางช่วงกลางครึ่งหลัง แต่ก็เหมือนจะช้าไปเมื่อโดนลูก 3-0 ไปก่อนลงสนามแค่เสี้ยววินาที จนทำดีที่สุดแค่กระชากขึ้นไปแอสซิสต์ให้ เอ็นคุนคู ยิงตีไข่แตก
เซซาเร่ คาซาเดอี (แทน โคล พาลเมอร์ น.85) N/A กลับจากยืมตัวที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนกำหนด และที่ได้ลงเกมนี้ แค่เพื่อให้ได้สัมผัสบรรยากาศ พรีเมียร์ลีก ก่อนใช้งานเต็มตัวในเกมถัดๆ ไป เท่านั้น
ขอบคุณผู้สนับสนุน Betflixreal / Realgame.online
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล truevisions / beIN SPORTS Thailand / Siamsport / cheerball / Bundesliga / thairath